คันช่องคลอด
แสบเวลาปัสสาวะ
เจ็บเวลามีเพศสัมพันธ์
อาการนี้คืออะไร?
สาว ๆ ที่กดเข้ามาอ่านบทความนี้ น่าจะกำลังเป็นทุกข์ใจกับอาการคันบริเวณช่องคลอด ร่วมกับมีตกขาวในปริมาณมากและเป็นสีต่างไปจากเดิม อีกทั้งกลิ่นไม่พึงประสงค์ที่เป็นปัญหากวนใจ หากจะไปหาหมอก็เขิน ปรึกษาคนอื่นก็อาย ขอบอกเลยว่ายังไม่ต้องหนักใจไป เพราะวันนี้มีคำอธิบายเกี่ยวกับอาการคันช่องคลอดและวิธีรักษาเบื้องต้นมาฝากกัน
คันช่องคลอด ตกขาวมีกลิ่น เกิดจากอะไร?
อาการคันช่องคลอดร่วมกับมีตกขาวผิดปกติมีสีครีมข้น เป็นอาการของ "เชื้อราในช่องคลอด" ซึ่งมาจากหลายสาเหตุที่คุณผู้หญิงอาจต้องเผชิญ ได้แก่
- ผู้ที่มีระดับภูมิต้านทานต่ำ
- คนเป็นโรคเบาหวานที่ไม่ได้ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด เสี่ยงเกิดการติดเชื้อได้
- การใช้ยาปฏิชีวนะต่อเนื่องติดกันเป็นเวลานาน จนไปทำลายเชื้อแบคทีเรียดีในช่องคลอด
ทำให้ติดเชื้อราในช่องคลอดได้ - ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนสูงขึ้น ซึ่งมาจากการใช้ยาคุมกำเนิดหรือมีภาวะตั้งครรภ์
คันช่องคลอด จากเชื้อราในช่องคลอด รักษาได้ไหม?
การรักษาอาการคันจากเชื้อราในช่องคลอดที่เกิดขึ้นนั้นทำได้ไม่ยาก สามารถใช้ยารักษาให้หายได้
- ยารับประทาน
ข้อควรระวังของการใช้ยาประเภทนี้ อาจมีอาการคลื่นไส้อาเจียน ปวดท้องหรือปวดศีรษะได้ - ยาเฉพาะที่ ได้แก่ ยาเหน็บและยาทาในช่องคลอด
สำหรับยาเหน็บ อาจมีทั้งยาเหน็บครั้งเดียวจบหรือเหน็บวันละเม็ด 3-5 วัน ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยา เพื่อป้องกันการใช้ผิดลักษณะจนอาจเกิดอันตราย และในส่วนของยาทานั้น ควรใช้ยาที่มีตัวยาโคลไทรมาโซล ทาบริเวณที่เป็นบาง ๆ วันละ 2-3 ครั้ง บรรเทาอาการคันจากการติดเชื้อราในช่องคลอด และควรทาต่อเนื่องประมาณ 1-2 สัปดาห์ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการรักษามากที่สุด
ป้องกันอย่างไรไม่ให้กลับมาเป็นซ้ำ?
หากมีภาวะติดเชื้อราในช่องคลอดบ่อยครั้งและใช้เวลานานในการดูแล แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อวินิจฉัยอาการและรับคำแนะนำได้อย่างถูกต้อง
เอกสารอ้างอิง