สาเหตุของตกขาว

ตกขาวปกติ เป็นสิ่งคัดหลั่งที่สร้างมาจากอวัยวะในอุ้งเชิงกรานของสตรีไม่ว่าจะเป็นจากช่องคลอด ผนังช่องคลอด ปากมดลูก หรือแม้กระทั่งจากตัวมดลูกเองก็ตาม โดยตกขาวจากแหล่งต่าง ๆ นี้จะมารวมกันในช่องคลอดเพื่อทำหน้าที่หลายอย่าง เช่น ช่วยคงความอ่อนนุ่มชุ่มชื้นให้กับช่องคลอด ช่วยหล่อลื่นช่องคลอด ช่วยปรับสภาพความเป็นกรดด่างในช่องคลอดให้สมดุล ช่วยขับสิ่งแปลกปลอม และฆ่าเชื้อโรคที่เข้าไปในช่องคลอด

ตกขาวผิดปกติ

ส่วนใหญ่มักมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อของอวัยวะในระบบสืบพันธุ์เพศหญิง (ทั้งการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์และการติดเชื้อที่ไม่เกี่ยวข้องกับเพศสัมพันธ์) และมีส่วนน้อยที่ตกขาวผิดปกติไม่ได้มีสาเหตุมาจากการติดเชื้อ ดังนี้

ตกขาวผิดปกติ

ส่วนใหญ่มักมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อของอวัยวะในระบบสืบพันธุ์เพศหญิง (ทั้งการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์และการติดเชื้อที่ไม่เกี่ยวข้องกับเพศสัมพันธ์) และมีส่วนน้อยที่ตกขาวผิดปกติไม่ได้มีสาเหตุมาจากการติดเชื้อ ดังนี้

เกิดจากการติดเชื้อ ได้แก่

1. เชื้อแบคทีเรีย
(Bacterial vaginosis หรือ ภาวะช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย) เป็นการติดเชื้อที่พบได้เป็นส่วนใหญ่ประมาณ 50% การติดเชื้อชนิดนี้มักพบในในสตรีที่ชอบสวนล้างช่องคลอด ผู้ที่คุมกำเนิดโดยการใส่ห่วงอนามัย ผู้ที่รับประทานยาปฏิชีวนะต่อเนื่องเป็นเวลานาน มีการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ หรืออาจเกี่ยวข้องกับการสูบบุหรี่ ดื่มสุรา หรืออาหารบางอย่าง (เช่น อาหารหมักดอง อาหารคาวจัด) ผู้หญิงบางคนที่ติดเชื้อชนิดนี้อาจไม่มีอาการใด ๆ แสดงออกมาก็ได้ อย่างไรก็ตาม ภาวะนี้อาจทำให้เกิดอาการตกขาวผิดปกติ (ตกขาวมีปริมาณมากขึ้น อาจเหลวใสหรือเป็นสีขาวเนียนปนเทาอ่อน มีกลิ่นอับคล้ายกลิ่นคาวปลา ส่วนระดับความรุนแรงของกลิ่นแต่ละคนก็แตกต่างกันไป บางคนอาจไม่มีกลิ่น บางคนอาจมีกลิ่นแรงจนคนใกล้ตัวได้กลิ่น) และอาจมีอาการระคายเคืองหรือคันบริเวณช่องคลอด แสบร้อนเวลาปัสสาวะ ซึ่งอาการจะรุนแรงขึ้นโดยเฉพาะหลังร่วมเพศ

2. เชื้อทริโคโมแนส
(Trichomoniasis หรือ โรคพยาธิในช่องคลอด) เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากเชื้อโปรโตซัวที่มีชื่อว่า "ทริโคโมแนส วาจินาลิส" (Trichomonas vaginalis) เป็นการติดเชื้อที่พบได้ประมาณ 25% แต่ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะไม่แสดงอาการใด ๆ มีเพียง 30% ของผู้ป่วยเท่านั้นที่จะแสดงอาการของโรค โดยจะทำให้มีตกขาวผิดปกติ เช่น ตกขาวเป็นสีเหลืองหรือสีเขียว มีปริมาณมากขึ้น มีกลิ่นเหม็นออกเปรี้ยวเล็กน้อย ตกขาวมีลักษณะเป็นฟอง (ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของการติดเชื้อชนิดนี้) มีอาการบวม แดง คัน หรือรู้สึกแสบบริเวณอวัยวะเพศ, ปวดปัสสาวะบ่อย, เจ็บปวดขณะปัสสาวะหรือมีเพศสัมพันธ์ อาจมีเลือดไหลออกจากช่องคลอดแบบกะปริดกะปรอยหรือไหลออกมามาก

3. เชื้อรา
(Vaginal candidiasis หรือ โรคเชื้อราในช่องคลอด) เป็นการติดเชื้อที่พบได้ประมาณ 25% โดยเฉพาะจากเชื้อรา "แคนดิดา อัลบิแคนส์" (Candida albicans) ที่พบได้มากที่สุดซึ่งจะทำให้มีตกขาวที่ผิดปกติไปจากเดิม คือ ตกขาวเป็นสีขาวข้นคล้ายคราบนมหรือเป็นสีเหลืองขาว มีขนาดเล็กเป็นก้อนคล้ายนมบูด มีกลิ่นเหม็นอับ แต่ไม่มีกลิ่นคาว ร่วมกับมีอาการคันอย่างมากและระคายเคืองปากช่องคลอดหรือภายในช่องคลอด, ปากช่องคลอดมีอาการบวมแดง, มีอาการแสบร้อนเมื่อปัสสาวะหรือมีเพศสัมพันธ์, อาจเกิดผื่นแดงทั้งภายในและภายนอกช่องคลอด โดยอาจกระจายไปทั่วบริเวณหัวหน่าว อวัยวะเพศหรือต้นขา การติดเชื้อชนิดนี้ส่วนใหญ่แล้วจะมีสาเหตุมาจากความอับชื้น, การใช้ยาปฏิชีวนะ, การใช้ยาสเตียรอยด์, การใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด, ในผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ, ผู้ป่วยโรคเบาหวาน, ผู้ติดเชื้อเอดส์หรือโรคเชื้อราในช่องคลอด, หญิงตั้งครรภ์, ความเครียด เป็นต้น การสวมใส่เสื้อผ้าที่อบมากเกินไป การมีสภาพร่างกายที่อ้วนมาก รวมทั้งสภาพอากาศในบ้านเราที่ร้อนชื้นเป็นพิเศษ จะเหมาะแก่การเจริญเติบโตของเชื้อราเป็นอย่างมาก ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ผู้หญิงไทยเรามีการติดเชื้อราในช่องคลอดได้ง่ายมาก บางทีอยู่เฉย ๆ ยังไม่ได้ทำอะไรก็ยังเป็นเชื้อราในช่องคลอดได้ ซึ่งผิดกับผู้หญิงในเมืองหนาวที่มีจะมีการติดเชื้อราน้อยกว่า เพราะส่วนใหญ่จะเกิดเฉพาะในรายที่เป็นโรคเบาหวานหรือเป็นโรคต้องรับประทานยากดภูมิต้านทานบางอย่าง

4. เชื้อไวรัส
เกิดจากการติดโรคทางเพศสัมพันธ์ ส่วนใหญ่เป็นเชื้อ "เฮอร์ปีส์ซิมเพล็กซ์" (Herpes simplex) ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดโรคเริม ทำให้มีตุ่มใส ๆ ขนาดเล็ก ต่อมาจะแตกออกกลายเป็นแผลและแสบคัน มีตกขาวสีเหลือง มีกลิ่นผิดปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในครั้งแรกที่ปรากฏอาการ

5. เชื้อบัคเตรีชนิดอื่น ๆ
เช่น เชื้อสแตฟีโลค็อกคัส (Staphylococcus), สเตรปโตค็อกคัส (Streptococcus) เป็นต้น ทั้งนี้อาจพบเชื้อต้นเหตุได้มากกว่า 1 ชนิดก็ได้

6. เชื้อวัณโรค
เชื้อชนิดนี้พบได้น้อยมาก

7. เกิดจากเนื้องอกอวัยวะสืบพันธุ์หญิง
เป็นสาเหตุที่พบได้รองลงมาจากการติดเชื้อ ไม่ว่าจะเป็นเนื้องอกไม่ร้ายแรงหรือมะเร็งก็ตาม ก็อาจทำให้เกิดอาการตกขาวได้ โดยโรคมะเร็งที่มักก่ออาการตกขาวผิดปกติ คือ โรคมะเร็งช่องคลอด โรคมะเร็งปากมดลูก และโรคมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก

8. เกิดจากการมีวัตถุแปลกปลอมในช่องคลอด
ทำให้ผนังช่องคลอดระคายเคือง มีตกขาวเพิ่มมากขึ้นและมักมีกลิ่นเหม็น ในเด็กอาจพบเป็นเมล็ดผลไม้ เศษกระดาษ เศษลูกโป่ง ส่วนในผู้ใหญ่อาจพบเป็นผ้าอนามัยชนิดสอด กระดาษชำระ สำลี เศษยาง ถุงยางอนามัย หรืออุปกรณ์ทางเพศ แต่เมื่อเอาวัตถุแปลกปลอมเหล่านี้ออกแล้วก็จะหายเป็นปกติ

เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย (Medthai)

L.TH.MKT.03.2021.1920